ความลับของความสุขยั่งยืน

บทคัดย่อจากข้อเขียนของปรมหังสา โยคานันทะ

ที่มา https://yogananda.org/th

เจตคติเชิงบวก

ถ้าท่านเลิกหวังที่จะมีความสุขตลอดไป ขอให้มีกำลังใจ อย่าได้หมดหวัง วิญญาณของท่านคือภาพสะท้อนของบรมวิญญาณอันปีติ ซึ่งแก่นสารก็คือความสุขนั่นเอง

ความสุขขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายนอกในระดับหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเจตคติ

โดยหลักๆ แล้ว สภาพต่างๆ ไม่ได้ดีหรือเลว แต่จะเป็นสภาวะกลางๆ เสมอ ความหดหู่หรือมีกำลังใจมักเกิดจากเจตคติว่าโศกเศร้าหรือผ่องใสของผู้ที่เผชิญกับสิ่งนั้น

ถ้าอยากเปลี่ยนสถานการณ์ก็จงเปลี่ยนการคิด เพราะเราคนเดียวเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบกับความคิดของเรา และเราเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนมันได้ เราจะอยากเปลี่ยนมันก็ต่อเมื่อตระหนักได้ว่าทุกความคิดจะสร้างสรรค์ตามธรรมชาติของมัน จำไว้เสมอว่ากฎนี้ทำงานตลอดเวลา การแสดงออกของเราเป็นไปตามสิ่งที่เราคิด ฉะนั้น เริ่มตั้งแต่เดี๋ยวนี้ นึกถึงแต่สิ่งที่จะทำให้เรามีสุขภาพอันดีและมีความสุข

จิตคือสมอง อารมณ์ และการรับรู้ ว่าเซลล์ที่มีชีวิตทั้งหลายจะทำให้ร่างกายมนุษย์มีชีวิตชีวาหรือหดหู่ จิตเป็นนาย และเซลล์กายทั้งหลายจะทำตามอารมณ์ของนายใหญ่ เช่นเดียวกับที่เราคำนึงถึงคุณค่าโภชนาการของอาหารที่รับประทานประจำวัน เราพึงพิจารณาคุณค่าโภชนาการของอาหารที่เราป้อนให้แก่จิตทุกวันเช่นกัน

ถ้าท่านย้ำคิดแต่ความเศร้า ความเศร้าก็บังเกิด เมื่อจิตปฏิเสธมันก็จะหมดไป การแสดงออกของอาตมันนี้ ข้าพเจ้าเรียกว่าพระเอกในตัวมนุษย์ ซึ่งเป็นทิพยธรรมชาติหรือธรรมชาติที่จำเป็น การจะเป็นอิสระจากความเศร้าได้ เราต้องให้อาตมันได้แสดงตนในทุกกิจกรรมประจำวัน

ถ้าท่านไม่เลือกที่จะมีความสุขก็ไม่มีใครทำให้ท่านเป็นสุขได้ เรื่องนี้อย่าตำหนิพระเจ้า! ถ้าท่านเลือกที่จะมีความสุข ก็ไม่มีใครทำให้ท่านเป็นทุกข์ได้ ถ้าพระองค์ไม่ประทานเสรีภาพให้เราใช้เจตจำนงของเรา เราจะตำหนิพระองค์ได้เมื่อเรามีทุกข์ แต่พระองค์ได้ประทานเสรีภาพนั้นแก่เราแล้ว เราคือผู้ที่จะทำให้ชีวิตเป็นอย่างไรก็ได้

ผู้ที่มีบุคลิกเข้มแข็งมักเป็นสุขอย่างยิ่ง เขาไม่โทษคนอื่นเมื่อเกิดเรื่องเดือดร้อนจากการกระทำอย่างขาดความเข้าใจของตนเอง พวกเขารู้ว่าไม่มีใครมีอำนาจทำให้เขาสุขมากขึ้นหรือน้อยลง ถ้าตนไม่อ่อนแอจนยอมให้ความคิดและการกระทำที่ชั่วร้ายของคนอื่นส่งผลต่อตน

ความสุขอย่างยิ่งมีอยู่ในตัวท่านตลอดเวลา รอให้ท่านพร้อมที่จะเรียนรู้และประพฤติให้ถูกต้อง ยิ่งท่านปรับปรุงตนเองได้มากเท่าใด ท่านจะทำให้คนรอบตัวปรับปรุงตนได้สูงขึ้น ผู้ที่ปรับปรุงตนเองเป็นคนที่จะมีความสุขเพิ่มขึ้นๆ เมื่อท่านเป็นสุขมากขึ้น คนรอบตัวท่านก็จะเป็นสุขมากขึ้นด้วย

จงหลีกเลี่ยงอย่าให้พลังลบเข้าสู่ชีวิต ในเมื่อมีสิ่งสวยงามรอบตัวจะมัวมองท่อระบายน้ำอยู่ทำไม? คนเราจับผิดได้แม้ในงานศิลปะชิ้นเอก ในดนตรี หรือวรรณกรรมล้ำเลิศ จะไม่ดีกว่ารึ ถ้าสุขใจไปกับเสน่ห์และความเกรียงไกรของผลงานเหล่านั้น

เกือบทุกคนคุ้นเคยกับภาพลิงน้อยสามตัวกับภาษิตที่ว่า “อย่ามองสิ่งชั่ว, อย่าฟังสิ่งชั่ว, อย่าพูดชั่วช้า” ข้าพเจ้าขอเน้นในเชิงบวกว่า “มองสิ่งดี, ฟังสิ่งดี, พูดสิ่งดี”

เป็นอิสระจากอารมณ์เชิงลบ

ความปีติใหม่เสมอของพระเจ้าในวิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่อาจทำลาย และการแสดงออกในจิตก็ไม่อาจทำลายถ้าบุคคลรู้ที่จะดำรงสิ่งนั้นไว้ และไม่จงใจเปลี่ยนจิตให้เศร้าไปกับอารมณ์

ท่านคือภาพสะท้อนของพระเจ้า จึงควรปฏิบัติดุจเดียวกับพระเจ้า แต่ที่เป็นอยู่ก็คือ พอตื่นเช้าขึ้นมาท่านอารมณ์เสีย บ่น "กาแฟเย็นชืด" แล้วมันจะยังไง? ทำไมจึงหงุดหงิดกับเรื่องอย่างนี้? ที่ท่านต้องการคือ ทำให้จิตหนักแน่นอยู่ในความสงบ พ้นจากโทสะทั้งปวง อย่าให้ผู้ใดหรือสิ่งใด “ทำให้ท่านหงุดหงิด” จงอยู่ในความสงบ อย่าให้ใครพรากสิ่งนี้ไปจากท่าน

ยกตัวเราให้พ้นจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่กวนใจเรา

ไม่มีใครอยากโศกเศร้า คราวหน้าถ้าอยู่ในอารมณ์นั้นก็จงวิเคราะห์ตนเอง แล้วท่านจะเห็นว่าท่านเต็มใจอยากทำให้ตัวเองเป็นเช่นนั้น และเมื่อท่านรู้สึกแย่ คนอื่นๆ รอบตัวก็จะไม่สบายใจไปด้วย

ท่านสามารถเอาชนะอารมณ์ได้ไม่ว่ามันจะย่ำแย่แค่ไหน ตั้งใจเลยว่าต่อไปนี้จะไม่เจ้าอารมณ์อีกแล้ว แต่ถ้าเกิดอารมณ์ขึ้นมาทั้งๆ ที่ตั้งใจเช่นนั้นแล้ว ก็จงวิเคราะห์เหตุที่ทำให้เกิดอารมณ์นั้น แล้วทำอะไรบางอย่างในทางสร้างสรรค์

ระลึกไว้เสมอว่าเวลาท่านเป็นทุกข์ ส่วนใหญ่เพราะท่านไม่เห็นความสำเร็จในชีวิตตามที่ท่านต้องการ หรือไม่แสดงเจตจำนง พลังสร้างสรรค์ ขันติให้แน่วแน่พอที่จะทำให้สิ่งที่ใฝ่ฝันนั้นเป็นจริง

จงทำสิ่งสร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงตนเองและเกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นอยู่เสมอ เพราะผู้ที่จะเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้าได้ต้องทำดีต่อผู้อื่นทุกวัน ถ้าท่านทำตามนี้ ท่านจะสบายใจรู้ว่าท่านกำลังก้าวหน้าทั้งจิตใจ ร่างกาย และวิญญาณ